รัฐหันซบเอกชนอุดช่องโหว่
ถกหาข้อสรุปตปท.ซื้อที่ดิน
นายมีศักดิ์ ชุนหรักษ์โชติ นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย เปิดเผยถึงกรณีที่ รมว.มหาดไทย ได้ถอนมติเรื่องร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของคนต่างด้าวตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การลงทุน ออกจากมติ ครม. เพื่อ นำกลับไปรับฟังความคิดเห็นจากประชาชนให้รอบคอบก่อน ว่า ในช่วงที่ผ่านมาทางภาครัฐได้ติดต่อมายังสมาคมฯ เพื่อขอให้นำเสนอเงื่อนไขเพื่อป้องกันความเสี่ยง หรือผลกระทบที่ตามมา ของนโยบายต่างชาติซื้อบ้าน ที่ดิน หลังจากนี้สมาคมฯ จะเชิญ นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิ เข้ามาร่วมประชุมเพื่อหารือร่วมกันในรายละเอียดแล้วนำข้อสรุปไปเสนอต่อภาครัฐต่อไป
”ในเรื่องนี้ทางสมาคมฯ เห็นด้วยที่มีการถอดมติออกไปก่อน และคาดว่าที่ผ่านมารัฐบาลเพียงแค่โยนหินถามทางออกมา แต่โยนออกมาแรงไปหน่อย จึงกลายเป็นประเด็นมีทั้งผู้ไม่สนับสนุน และกลุ่มที่สนับสนุนซึ่งกลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็นนักวิชาการและผู้ประกอบการที่เห็นด้วย เพราะหากทำการศึกษาแล้วจะพบว่าปัจจุบันมีหลายประเทศที่เปิดขายอสังหาฯ ให้ต่างชาติเช่นกัน”
ทั้งนี้ปัจจัยสำคัญของนโยบายนี้มองว่าต้องใช้เวลาในการศึกษาว่าจะได้ประโยชน์จากต่างชาติอย่างไร เพราะปัจจุบันไทยเน้นรายได้จากส่งออกเป็นหลัก แต่ในทางกลับกันประเทศไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุที่กำลังซื้อต่ำ และคนในประเทศเองก็กำลังซื้อต่ำ ซึ่งนโยบายนี้จึงถือเป็นหนึ่งในนโยบายทั่วไปที่ดึงรายได้จากต่างชาติ แต่ในหลักเกณฑ์ที่ออกมาข้างต้นที่ให้ที่ดินได้คนละ 1 ไร่นั้น ไม่สามารถเข้าไปดูแลได้ว่าต่างชาติจะมาอยู่อาศัยจริงหรือแอบทำธุรกิจ
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าแนวคิดของนโยบายนี้เป็นแนวคิดที่ดี หากต่างชาติเข้ามาอาศัยอยู่ในชุมชน มีการใช้เงินก็จะช่วยสร้างรายได้ ให้ชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มต่างชาติวัยเกษียณ หนีสงคราม หนีหนาว และหนีจากเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งเป็นโอกาสของไทยในการดึงรายได้จากกลุ่มดังกล่าว แต่รัฐบาลต้องพิจารณาให้รอบคอบเพราะปัจจุบันมองว่าเศรษฐีต่างชาติเข้ามาทำธุรกิจมากกว่า
น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสนา ดีเวลลอปเมนท์จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า น่าเสียดาย หาก ครม. ถอนร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ ไม่เดินหน้าต่อ ถึงจะเปิดให้ต่างชาติมาซื้อได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และยังไม่รู้ว่าจะมีต่างชาติมากน้อยแค่ไหนที่มาขอใช้สิทธินี้ มองว่าร่างกฎกระทรวงมีทั้งข้อดีและข้อควรระวัง แต่ข้อควรระวังก็ไม่ถึงขั้นที่ไม่ควรทำเลย คิดว่าทำได้ เช่น หากกังวลว่าราคาที่ดิน หรือที่อยู่อาศัยแพงขึ้น ก็จัดพื้นที่โซนนิ่ง หรือขนาด และระดับราคาที่ให้ต่างชาติซื้อ
นายวิชัย วิรัตกพันธ์ รักษาการ ผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่า เมื่อการแก้ไขกฎหมายใหม่ไม่ผ่านก็ต้องกลับไปใช้กฎหมายเก่า ซึ่งมีเงื่อนไขที่เข้มงวดกว่า ดังนั้นหลังจากนี้ในส่วนของบ้านจัดสรรพร้อมที่ดินคงไม่คึกคัก แต่ต้องลุ้นว่าชาวต่างชาติจะหันมาซื้อคอนโดมิเนียม ซึ่งกฎหมายเก่าผ่อนปรนให้ถือครองได้ไม่เกิน 49% ของพื้นที่โครงการหรือไม่ แต่อาจเห็นการเลี่ยงถือครองในรูปแบบอื่น
Reference: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์